ข้อ 10. แผนการจ่ายผลตอบแทนจากการขาย


คู่มือเกี่ยวกับนโยบาย โดเทอร์ร่าประเทศไทย

วิธีการขั้นพื้นฐานที่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะสามารถได้รับโบนัสต่าง ๆ คือ (1) จากส่วนต่างราคาขายปลีก (retail markups) และ (2) จากโบนัส (บางครั้งเรียกว่า คอมมิชชั่น) ซึ่งจ่ายให้ตามยอดขายผลิตภัณฑ์ของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) และของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่น ๆ ในองค์กรของตน

โบนัส ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ยังสามารถได้รับโบนัสซึ่งคำนวณจากยอดขายผลิตภัณฑ์ในทุกตลาดที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ แต่ไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์หรือการส่งเสริมการขายจะสร้างโบนัสให้ เฉพาะผลิตภัณฑ์หรือการส่งเสริมการขายที่มีคะแนนส่วนบุคคล (Personal Volume หรือ PV) กำหนดไว้เท่านั้น ที่จะสร้างโบนัสให้

ก. คำนิยาม

ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate): หมายถึงผู้จำหน่ายอิสระ ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545

คำสั่งซื้อที่ได้รับคอมมิชชั่น (Commissionable Order): คำสั่งซื้อที่มีการกำหนดคะแนนส่วนบุคคล (PV) ไว้ และมีการสั่งซื้อและชำระเงินโดยที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ผู้บริโภค หรือสมาชิกทั่วไป ภายในกำหนดเวลา

คะแนนบริษัท (Company Volume): คะแนนบริษัทคือยอดรวมของคะแนนส่วนบุคคล (PV) จากการขายให้กับที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) สมาชิกทั่วไป และผู้บริโภคทุกราย

องค์กรติดตัว (Frontline Organization): องค์กรติดตัวคือองค์กรของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยส่วนตัวจากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายหนึ่ง และลูกค้าของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายนั้น

คะแนนตลาดท้องถิ่น (Local Market Volume): คะแนนส่วนบุคคล (PV) โดยรวมของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทุกรายซึ่งอาศัยอยู่ในตลาดท้องถิ่นที่กำหนด คะแนนตลาดท้องถิ่นเป็นคำที่ใช้เพื่อกำหนดฟาวเดอร์สโบนัส (Founder's Bonus) ในที่นี้หมายถึงตลาดในประเทศไทย

คะแนนองค์กร (Organizational Volume หรือ OV): ยอดคะแนนที่คำนวณจากคะแนนส่วนบุคคล (PV) ของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายหนึ่ง และของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่น ๆ สมาชิกทั่วไป และผู้บริโภคทั้งหมดในองค์กรของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายนั้น

คะแนนส่วนบุคคล (Personal Volume หรือ PV): ยอดคะแนนผลิตภัณฑ์ที่ขายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายหนึ่งในเดือนปฏิทินเดือนหนึ่งเพื่อการขายต่อให้แก่ลูกค้าหรือการบริโภคเองเป็นหลัก ซึ่งจะคำนวณเป็นคะแนน (points) แต่ทั้งนี้มิใช่ว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะทำคุณสมบัติให้ได้รับคะแนนส่วนบุคคล (PV) โดยคะแนนส่วนบุคคลจะไม่รวมผลิตภัณฑ์ที่ขายด้วยยอดเครดิตผลิตภัณฑ์ และคะแนนส่วนบุคคล (PV) ของผลิตภัณฑ์จะถูกระบุไว้อย่างชัดเจนบนแบบฟอร์มคำสั่งซื้อ โดยอัตราการคิดคำนวณคือ 1 PV เท่ากับ 32 บาท

โบนัสขั้นต้น (Primary Bonus): ยอดรวมของโบนัสทั้งหมดที่จ่ายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายหนึ่ง ยกเว้นฟาสต์สตาร์ทโบนัส (Fast Start Bonus) และฟาวเดอร์สโบนัส (Founders Bonus) โบนัสขั้นต้นประกอบด้วยโบนัสประเภทยูนิเลเวล (Uni-level) เพาเวอร์ออฟทรี (Power of Three) อินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูลโบนัส (Infinity Performance Pool) และไดมอนด์พูล (Diamond Pool) โดยโบนัสขั้นต้นจะจ่ายให้เป็นรายเดือน

สายงานที่ทำคุณสมบัติได้ (Qualified Leg): สายงานที่ทำคุณสมบัติได้คือสมาชิก (Enrollee) ในองค์กรติดตัวของผู้แนะนำสมาชิก (Enroller) ที่มีตำแหน่งตามที่กำหนด  สายงานที่ทำคุณสมบัติได้แต่ละสายจะต้องอยู่ในองค์กรติดตัวของผู้แนะนำสมาชิกดังกล่าวคนละองค์กรกัน ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำคุณสมบัติตามตำแหน่งของผู้แนะนำสมาชิก  

โปรแกรมลอยัลตี้รีวอร์ด (Loyalty Rewards Programs): โปรแกรมที่ให้ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) และสมาชิกทั่วไป ทำคำสั่งซื้ออัตโนมัติของแต่ละเดือนได้ล่วงหน้า

คำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP ที่ทำคุณสมบัติได้ (Qualified LRP Order): คำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP ที่ทำคุณสมบัติได้ คือคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP สำหรับที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับการสนับสนุนหรือสมาชิกทั่วไปหนึ่งคำสั่งซื้อซึ่งมีคะแนนส่วนบุคคลสูงกว่า 100 PV ในเดือนที่ทำคุณสมบัติ โดยคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP ที่ทำคุณสมบัติได้ทั้งหมดจะต้องชำระด้วยบัตรเครดิตหรือเช็คในชื่อของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) หรือสมาชิกทั่วไปตามที่ระบุไว้ในบัญชี หรือชำระด้วยเงินสด และจะต้องจัดส่งไปยังที่อยู่หลักตามที่ระบุไว้ในบัญชี ทั้งนี้ คำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP ที่ทำคุณสมบัติได้แต่ถูกส่งคืน จะส่งผลให้มีการเรียกคืนโบนัสที่ไม่มีสิทธิได้รับแต่ได้จ่ายไปแล้ว

ทีม (Team): คำนี้ใช้อยู่ในเพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus) โดยทีมจะประกอบด้วยผู้สนับสนุนที่ได้รับการจัดวาง (placement Sponsor) ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ผู้บริโภค และสมาชิกทั่วไปซึ่งอยู่ในระดับแรกตามผังองค์กรของผู้สนับสนุนที่ได้รับการจัดวาง

คะแนนทีม (Team Volume หรือ TV): คะแนนส่วนบุคคลของสมาชิกในทีมหนึ่ง ๆ รวมกัน โดยคำนี้จะใช้ในเพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus)

ข. โบนัส ผลตอบแทนของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรางวัลแก่ความพยายามอย่างต่อเนื่องของทุกคน เริ่มตั้งแต่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) แรกเริ่มจนถึงที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ โดยโบนัสของโดเทอร์ร่าประกอบด้วยโบนัสที่เป็นกำไรจากการขาย (Retail Profit Bonus) ฟาสต์สตาร์ทโบนัส (Fast Start Bonus) เพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus) ยูนิเลเวลโบนัส (Uni-level Bonus) อินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Infinity Performance Pools) ไดมอนด์พูล (Diamond Pools) และฟาวเดอร์สคลับโบนัส (Founder's Club Bonus) 

1. ส่วนต่างราคาขายปลีก - จำนวนประมาณ 33 % ของราคาสมาชิก

ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะซื้อผลิตภัณฑ์โดเทอร์ร่าจากบริษัทในราคาสมาชิกเพื่อขายต่อให้กับลูกค้า หรือใช้เป็นวัสดุส่งเสริมการขาย หรือใช้เอง และบริษัทจะกำหนดราคาแนะนำสำหรับขายปลีกต่อ ซึ่งที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะได้รับส่วนต่างราคาขายปลีกประมาณร้อยละ 33 ของราคาสมาชิก โดยผู้ซื้อจะเป็นผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเอง ดังนั้น บริษัทจึงไม่สามารถระบุประมาณการรายได้โดยเฉลี่ยจากการขายปลีกได้ และไม่ได้ระบุรายได้จากการขายปลีกไว้ในข้อมูลโบนัสโดยเฉลี่ยของบริษัท

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งคอนซัลแตนท์ ซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหย Aroma Touch Essential Oil Blend จากโดเทอร์ร่าในราคาสมาชิก ราคา 1,165 บาท แล้วนำไปเสนอขายแก่นาย B ในราคาขายปลีกที่โดเทอร์ร่าแนะนำ คือ 1,555 บาท นาย A จะได้ส่วนต่างราคาขายปลีกจำนวน 390 บาท หรือประมาณ 33 % ของราคาสมาชิกทันที

pg24-fig-2-330x591-th.gif

3. เพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus) – โบนัสจำนวน 1,600 - 48,000 บาท หรือประมาณ 12.8 % ของราคาสมาชิกตามตัวอย่างด้านล่าง

ภาพรวม เพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus) เป็นโบนัสรายเดือนที่จ่ายให้แก่ผู้สนับสนุนภายใน 30 วันนับแต่วันสุดท้ายของเดือนที่ทำคุณสมบัติ ซึ่งอาจเป็นจำนวน 1,600 บาท 8,000 บาท หรือ 48,000 บาท โดยผู้สนับสนุนที่มีคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP ที่ทำคุณสมบัติได้เท่านั้นที่จะรับโบนัสนี้ได้

เพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus) จำนวน 1,600 บาท ในการทำคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 1,600 บาทนั้น ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ต้องทำคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP ที่ทำคุณสมบัติได้ นอกจากนี้ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ยังต้องมีที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ตนเป็นผู้สนับสนุนโดยส่วนตัวหรือสมาชิกทั่วไปซึ่งมีคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP ที่ทำคุณสมบัติได้ จำนวน 3 ราย และมีคะแนนทีม (TV) ขั้นต่ำ 600 PV

เพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus) จำนวน 8,000 บาท ในการทำคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 8,000 บาทนั้น ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ต้องมีคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 1,600 บาทข้างต้นก่อน และที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ตนเป็นผู้สนับสนุนโดยส่วนตัวหรือสมาชิกทั่วไปซึ่งทำให้ตนมีคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 1,600 บาทข้างต้นทั้ง 3 ราย จะต้องมีคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 1,600 บาทด้วย โปรดดูภาพที่ 2

เพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Bonus) จำนวน 48,000 บาท ในการทำคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 48,000 บาทนั้น ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ต้องมีคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 8,000 บาทข้างต้นก่อน และที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ตนเป็นผู้สนับสนุนโดยส่วนตัวหรือสมาชิกทั่วไปซึ่งทำให้ตนมีคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 8,000 บาทข้างต้นทั้ง 3 ราย จะต้องมีคุณสมบัติสำหรับโบนัสจำนวน 8,000 บาทด้วย โปรดดูภาพที่ 2

โครงสร้างเพาเวอร์ออฟทรีโบนัส (Power of Three Structure) เพิ่มเติม ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) สามารถมีโครงสร้างเพาเวอร์ออฟทรี (Power of Three Structure) ได้หลายโครงสร้าง โดยเมื่อที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) มีโครงสร้างเพาเวอร์ออฟทรี (Power of Three Structure) ครบที่ระดับ 48,000 บาทแล้ว ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะสามารถทำคุณสมบัติเพื่อรับโบนัสจากโครงสร้างเพิ่มเติมได้อีก ทั้งนี้ ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับการสนับสนุนโดยส่วนตัวและสมาชิกทั่วไปตลอดจนคะแนนจากการขายซึ่งถูกนับรวมอยู่ในโครงสร้างโบนัสโครงสร้างแรกแล้ว จะไม่สามารถนำมาใช้ทำคุณสมบัติสำหรับโครงสร้างโบนัสเพิ่มเติมของผู้สนับสนุนนั้นได้อีก 

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งแพลตินัม เข้าร่วมและทำคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP จำนวน 300 PV ต่อเดือน โดยมีนาย B นาย C และนาย D ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งไดมอนด์อยู่ติดตัว ดังรูปด้านล่าง และแต่ละคนเข้าร่วมและทำคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP จำนวน 300 PV ต่อเดือนเช่นเดียวกัน ทำให้นาย A มีคุณสมบัติได้รับเพาเวอร์ ออฟทรีโบนัส

pg25-power-of-3-703x856-th.gif

วิธีคำนวณ เมื่อนาย A มีคุณสมบัติได้รับเพาเวอร์ ออฟทรีโบนัสแล้ว และมีคะแนนทีมรวมเท่ากับ 300 PV + 300 PV + 300 PV + 300 PV = 1,200 PV ซึ่งมากกว่า 600 PV แล้ว นาย A จะได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัส จำนวน 1,600 บาท ทันที

หากนาย B นาย C และนาย D มีที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) อยู่ติดตัวคนละ 3 คน แต่ละคนเข้าร่วมและทำคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP จำนวน 300 PV ทำให้นาย B นาย C และนาย D ได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัสคนละ 1,600 บาท และทำให้นาย A ได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัสจำนวน 8,000 บาทถ้วน ทันที

และหากที่ปรึกษาในชั้นที่ 2 ทั้ง 9 คน ทำคุณสมบัติได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัสคนละ 1,600 บาท นาย B นาย C และนาย D จะได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัสจำนวน 8,000 บาท ทันที และนาย A จะได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัสจำนวน 48,000 บาท ถ้วนทันที

ดังนั้น หากเป็นกรณีที่นาย A ได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัสสูงสุดจำนวน 48,000 บาทถ้วน จะมียอดซื้อผลิตภัณฑ์ของสมาชิกในองค์กรทั้งหมดได้แก่ นาย B นาย C นาย D ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ชั้นที่ 2 จำนวน 9 คน และที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ชั้นที่ 3 จำนวน 27 คน รวมที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทั้งหมด 39 คน กล่าวคือนาย A ได้รับเพาเวอร์ออฟทรีโบนัสคิดเป็นประมาณ 12.8 % ของยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกในองค์กร

4. ยูนิเลเวลโบนัส (Uni-level Bonus) – จำนวน 2 - 7 % ของคะแนน PV ลึก 7 ชั้น หรือเฉลี่ย 4.86 % ของราคาสมาชิกตามตัวอย่างด้านล่าง

ภาพรวม ยูนิเลเวลโบนัส (Uni-level Bonus) จะคำนวณเป็นรายเดือนและจ่ายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ภายใน 30 วันนับแต่วันสุดท้ายของแต่ละเดือน โดยยูนิเลเวลโบนัส (Uni-level Bonus) จะคำนวณจากยอดคะแนนขององค์กรของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในเดือนหนึ่ง ๆ ซึ่งยูนิเลเวลโบนัส (Uni-level Bonus) ของแต่ละเดือนจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทำคุณสมบัติได้ และคะแนนองค์กร (OV) ของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในเดือนนั้น ๆ โดยที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะต้องบรรลุเงื่อนไขทั้งด้านตำแหน่งและด้านคะแนนองค์กร ซึ่งยูนิเลเวลโบนัส (Uni-level Bonus) ทั้งหมดจึงถูกจ่ายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รวมกัน ทั้งนี้ ยอดคะแนนในช่วง 60 วันแรกของสมาชิกใหม่ในองค์กรไม่ว่าจะถูกนำไปคำนวณเพื่อจ่ายฟาสต์สตาร์ทโบนัส (Fast Start Bonus) หรือไม่ จะไม่ถูกนำมารวมคำนวณในคะแนนยูนิเลเวล (Uni-level Volume) โปรดดูภาพที่ 3

การได้ตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งมีคุณสมบัติขั้นต่ำทั้งคะแนนส่วนบุคคล (PV) และคะแนนองค์กร (OV) ในการได้รับตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งเมเนเจอร์ (Manager) ต้องมี 100 PV และ 500 OV

ตำแหน่ง (Ranks) และระดับ (Levels) ตำแหน่งแต่ละตำแหน่งมีความสัมพันธ์กับจำนวนของระดับชั้นในองค์กรที่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะได้รับค่าตอบแทน โปรดดูภาพที่ 3 ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งเอ็กเซ็คคิวทีฟ (Executive) จะได้รับค่าตอบแทนลึกลงไปจำนวน 4 ระดับ ซึ่งโดยทั่วไป เมื่อตำแหน่งของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) เลื่อนขึ้น ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) นั้นจะได้รับค่าตอบแทนจากระดับที่ลึกลงไปภายในองค์กรของตน จนกระทั่งที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) นั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นถึงตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) กล่าวคือ ทุกตำแหน่งนับตั้งแต่ตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) ไปจนถึงตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) จะได้รับการจ่ายค่าตอบแทนลึกลงไป 7 ระดับเป็นอย่างน้อย

นอกจากนี้ สัดส่วนร้อยละของคะแนนองค์กร (OV) ซึ่งนำมาจ่ายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับ ตามที่อธิบายไว้ในภาพที่ 3 ระดับแรกจะจ่ายให้ที่อัตราร้อยละ 2 และจากนั้นร้อยละ 3 สัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นตามความลึกของตำแหน่ง จนกระทั่งถึงร้อยละ 7 ในระดับที่เจ็ด เนื่องจากโบนัสจะสะสมตามระดับการจ่าย ดังนั้น ตำแหน่งเอ็กเซ็คคิวทีฟ (Executive) จึงได้รับค่าตอบแทนที่ร้อยละ 2 สำหรับระดับที่หนึ่ง บวกร้อยละ 3 สำหรับระดับที่สอง และร้อยละ 5 สำหรับระดับที่สามและสี่

สายงานที่ทำคุณสมบัติได้ (Qualified Legs) และตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะต้องมีสายงานที่ทำคุณสมบัติได้อยู่ในองค์กรติดตัวของตนเพื่อที่จะได้ตำแหน่งบางตำแหน่ง โปรดดูภาพที่ 3 ตัวอย่างเช่น ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ประสงค์จะได้ตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) จะต้องมีสายงานที่ทำคุณสมบัติได้ในตำแหน่งเอลีท (Elite) จำนวน 3 สายงาน โปรดดูภาพที่ 3

เงื่อนไขสำหรับระดับที่หกและเจ็ด ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะต้อง (1) แอ็คทีฟ และ (2) แนะนำบุคคลใหม่อย่างน้อยหนึ่งคนเข้ามาในธุรกิจในทุก ๆ 3 เดือน เพื่อทำคุณสมบัติให้ได้รับโบนัส คอมมิชชั่น หรือค่าตอบแทนอื่นจากระดับที่หกและเจ็ด

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งแพลตินัม มีนาย B นาย C และนาย D อยู่ติดตัว ซึ่งแต่ละคนมีตำแหน่งซิลเวอร์ และมีองค์กรดังรูปด้านล่างนี้ 

นาย B นาย C และนาย D มีที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งเอลีทอยู่ติดตัวอีกคนละ 3 คน ในชั้นที่ 2 และที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งเอลีทแต่ละคนมีองค์กรของตนลึกลงไปอีก 6 ชั้น นาย A จะได้รับยูนิเลเวลโบนัสดังตารางต่อไปนี้

ชั้น PV รวม โบนัสร้อยละ รวมโบนัส (PV)
นาย A 100 - -
ชั้นที่ 1 4,959 2 99
ชั้นที่ 2 4,997 3 150
ชั้นที่ 3 8,958 5 449
ชั้นที่ 4 1,163 5 58
ชั้นที่ 5 7,653 6 459
ชั้นที่ 6 2,570 6 155
ชั้นที่ 7 5,073 7 355
ชั้นที่ 8 2,207 - -

 

วิธีคำนวณ เมื่อรวมคะแนนทั้งหมดในแต่ละชั้นได้ดังตารางข้างต้นแล้ว ให้นำร้อยละตามที่ระบุของแต่ละชั้นคำนวณเข้าไป แล้วจะได้โบนัสรวมของแต่ละชั้น แล้วจึงนำมารวมกันได้เป็นยูนิเลเวลโบนัสทั้งหมดที่นาย A จะได้รับ คือ 99 PV + 150 PV + 449 PV + 58 PV + 459 PV +155 PV + 355 PV = 1,725 PV หรือ 1,725 PV x 32 บาท = 55,200 บาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4.86 % ของยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกในองค์กร คือ 35,500 PV หรือ 35,500 PV x 32 บาท = 1,136,000 บาท

ทั้งนี้ จะเห็นว่าไม่นำคะแนนของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในชั้นที่ 8 มารวมคำนวณด้วย เนื่องจากยูนิเลเวลโบนัสให้โบนัสลึกลงไปเพียง 7 ชั้นตามที่ระบุไว้ข้างต้นเท่านั้น

การรวบชั้น (compression) แผนการจ่ายผลตอบแทนจากการขายของโดเทอร์ร่าจะเพิ่มการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ได้อย่างสูงสุดด้วยวิธีการรวบชั้น หากตำแหน่งของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ไม่เพียงพอที่จะทำให้ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) นั้นมีคุณสมบัติเพื่อรับโบนัสที่จ่ายให้ตำแหน่งที่สูงกว่า โบนัสนั้นจะถูกโยกย้ายไป (roll up) และจ่ายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่มีตำแหน่งสูงกว่าซึ่งมีคุณสมบัติสำหรับโบนัสในระดับที่สูงกว่านั้น  

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งเอลีท มีองค์กรดังรูปด้านล่าง ได้แก่ นาย B และนาย C ในชั้นที่ 1 นาย D นาย E และนาย F ในชั้นที่ 2 นาย G (ซึ่งนาย G ไม่มีคุณสมบัติ) ในชั้นที่ 3 และนาย H ในชั้นที่ 4 โดยนาย A มีคุณสมบัติได้ยูนิเลเวลโบนัส ดังนี้

ชั้นที่ 1 นาย A ได้รับยูนิเลเวลโบนัสจำนวน 2 % จากยอดคะแนนของนาย B และนาย C

ชั้นที่ 2 นาย A ได้รับยูนิเลเวลโบนัสจำนวน 3 % จากยอดคะแนนของนาย D นาย E และนาย F

ชั้นที่ 3 เนื่องจากนาย G ไม่มีคุณสมบัติ ทำให้นาย H ถูกรวบชั้นขึ้นมาคำนวณโบนัสให้นาย A ในชั้นที่ 3 แทน และทำให้นาย A ได้รับยูนิเลเวลโบนัสจำนวน 5 % จากยอดคะแนนของนาย H 

บัญชีเพรสิเดนเชียลไดมอนด์มัลติพลายเออร์ (Presidential Diamond Multiplier Account) ตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) จะได้รับสิทธิในการเลือกที่จะสร้างบัญชีอีกหนึ่งบัญชีที่อยู่ภายใต้บัญชีเพรสิเดนเชียลหลัก ("บัญชี PD1") ของตนโดยตรง ซึ่งเรียกว่าบัญชีมัลติพลายเออร์ 1 (Multiplier 1) ("บัญชี M1") (ไม่บังคับให้สร้าง) โดยตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) ซึ่งมีสายงานที่มั่นคงจำนวน 6 สายงาน สามารถเพิ่มสายงานใหม่เข้าไปภายใต้บัญชี M1 ของตนได้ และสามารถได้รับค่าตอบแทนยูนิเลเวล (Uni-level) จากคะแนนใหม่ที่สร้างขึ้นผ่านบัญชีนั้นเพิ่มเติม ซึ่งทำให้มีโอกาสขยายขอบเขตลงไปได้ถึง 8 ระดับจากบัญชี PD1 ของตน และสิทธินี้จะคงอยู่ตราบเท่าที่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) มีคุณสมบัติ

บัญชี M1 สามารถสร้างขึ้นได้ในทันทีที่ผู้นำ (leader) ขึ้นถึงตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) โดยบัญชี M1 มีคุณสมบัติที่จะได้รับคอมมิชชั่นในแต่ละเดือนที่บัญชี PD1 ได้รับจากการมีตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) โดยใช้สายงานตำแหน่งแพลตินัม (Platinum)  จำนวน 6 สายงาน ถ้าบัญชี PD1 ทำคุณสมบัติสำหรับตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) ในเดือนใดไม่ได้ บัญชี M1 ก็จะไม่มีคุณสมบัติสำหรับคอมมิชชั่นใด ๆ ในเดือนนั้นเช่นกัน ทั้งนี้ บัญชี M1 เองไม่สามารถนับเป็นหนึ่งในหกสายงานที่ทำคุณสมบัติให้บัญชี PD1 ได้ อย่างไรก็ตาม หากสายงานหนึ่งหรือหลายสายในจำนวน 6 สายงานที่ทำคุณสมบัติให้บัญชี PD1 มีคุณสมบัติไม่ถึงตำแหน่งแพลตินัม (Platinum) ในเดือนใด บัญชี PD1 ยังสามารถได้รับคอมมิชชั่นของตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) ได้อยู่โดยการใช้สายงานตำแหน่งเพลตินัม (Platinum) หนึ่งหรือหลายสายที่บัญชี M1 เป็นผู้แนะนำโดยส่วนตัว แต่ทั้งนี้สายงานของบัญชี M1 นั้น (มิใช่ตัวบัญชี M1) จะต้องทำคุณสมบัติได้ตำแหน่งแพลตินัม (Platinum) ซึ่งในกรณีนี้ บัญชี M1 จะไม่ได้รับการจ่ายคอมมิชชั่น แต่บัญชี PD1 นั้นจะได้รับการจ่าย

เมื่อบัญชี M1 ถูกสร้างขึ้นแล้ว ผู้นำในตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) อาจเลือกที่จะย้ายสายงานติดตัวที่ตนเป็นผู้แนะนำโดยส่วนตัวจากบัญชี PD1 ไปยังบัญชี M1 ของตนได้ตราบเท่าที่สายงานนั้นยังไม่ได้ขึ้นถึงตำแหน่งแพลตินัม (Platinum) หรือสูงกว่า ทั้งนี้ สายงานเหล่านี้จะถูกนำไปวางใต้กันหรือปรับโครงสร้างมิได้ แต่จะเปลี่ยนจากสายงานติดตัวของบัญชี PD1 ไปเป็นสายงานติดตัวของบัญชี M1 โดยมีโครงสร้างเดิมได้เท่านั้น

บริษัทจะอนุญาตให้มี "บัญชี M2" อีกหนึ่งบัญชีโดยจะเป็นบัญชีติดตัวของบัญชี M1 เดิมนั้นก็ต่อเมื่อบัญชี M1 ขึ้นถึงตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) แล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้นำมีบัญชีเสมือนได้ 3 บัญชีเพื่อรับรายได้จากฐานใหม่ที่สร้างขึ้น พร้อมกับการได้รับประโยชน์จากรายได้ลงไปถึง 9 ระดับจากบัญชีเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) ดั้งเดิม การมีบัญชีเสมือนหลายบัญชี (multiplier effect) นี้จะมีผลอยู่ตราบเท่าที่สายงานแพลตินัม (Platinum) มีคุณสมบัติตามที่กำหนดข้างต้น

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ มีที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งแพลตินัมจำนวน 6 คนอยู่ติดตัว มีคุณสมบัติได้รับยูนิเลเวลโบนัสจากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในองค์กรลงไปถึงชั้นที่ 7 และยังทำให้นาย A มีคุณสมบัติได้รับสิทธิให้สร้างบัญชีมัลติพลายเออร์ 1 หรือ M1 ขึ้นมาอยู่เป็นสายงานที่ติดตัวด้วย

หากนาย A เลือกสร้างบัญชี M1 แล้ว บัญชีหลักเดิมของนาย A อาจถูกเรียกว่าบัญชี PD1 ก็ได้ และบัญชี M1 ของนาย A จะสามารถสร้างองค์กรใหม่และได้รับยูนิเลเวลโบนัสจากองค์กรของตนลงไปได้อีก 7 ชั้น กล่าวคือนาย A จะได้รับยูนิเลเวลโบนัสจากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ลงไปถึงชั้นที่ 8 ตามภาพนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อบัญชี M1 ของนาย A มีตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์แล้ว นาย A ยังมีสิทธิเลือกสร้างบัญชี M2 ขึ้นมาอยู่เป็นสายงานที่ติดตัวของบัญชี M1 ได้อีกและในกรณีนี้ จะเสมือนว่านาย A ได้รับยูนิเลเวลจากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในองค์กรของตนลงไปถึงชั้นที่ 9

 

5. โบนัสกองกลางอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Infinity Performance Pools) – จำนวน 4.25 % จากยอดรวมคะแนนบริษัท หรือประมาณ 0.009 % ของราคาสมาชิกตามตัวอย่างด้านล่าง

ภาพรวมของโบนัสกองกลางอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Infinity Performance Pools) อินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Infinity Performance Pools) จะคำนวณและจ่ายเป็นรายเดือน โดยจ่ายให้แก่ตำแหน่งพรีเมียร์ (Premier) ขึ้นไปภายใน 30 วันนับแต่วันสุดท้ายของแต่ละเดือน ซึ่งอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Infinity Performance Pools) ทั้งหมดรวมกันจะคิดเป็นร้อยละ 4.25 ของคะแนนบริษัท อันประกอบด้วยเอ็มเพาเวอร์เม้นท์พูล (Empowerment Pool) จำนวนร้อยละ 1.25 ลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Leadership Performance Pool) จำนวนร้อยละ 2 และไดมอนด์เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Diamond Performance Pool) จำนวนร้อยละ 1 โปรดดูภาพที่ 4 ซึ่งที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะมีคุณสมบัติได้รับค่าตอบแทนจากโบนัสกองกลางเหล่านี้เมื่อที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทำตามเงื่อนไขของแต่ละตำแหน่งในเดือนนั้น ๆ ได้ โดยหนึ่งส่วนของส่วนแบ่งโบนัสแต่ละเดือนจะได้โบนัสจำนวนเท่ากับ อัตราร้อยละของโบนัสกองกลางที่กำหนด (ร้อยละ 1, ร้อยละ 1.25 หรือร้อยละ 2) คูณด้วยคะแนนบริษัท (Company Volume) ของเดือนเดียวกันนั้น และหารด้วยจำนวนส่วนของส่วนแบ่งของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทั้งหมดที่มีคุณสมบัติได้ส่วนแบ่งในเดือนนั้น

ก. ส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางเอ็มเพาเวอร์เมนท์พูล (Empowerment Pool) - จำนวน 1.25 % จากยอดรวมคะแนนบริษัท

ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ทำคุณสมบัติได้ตำแหน่งพรีเมียร์ (Premier) ซิลเวอร์ (Silver) หรือโกลด์ (Gold) และขายผลิตภัณฑ์ให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) หรือสมาชิกทั่วไปรายใหม่จำนวน 100 PV ขึ้นไปในเดือนหนึ่ง จะได้รับส่วนแบ่งหนึ่งส่วนในเอ็มเพาเวอร์เมนท์พูล (Empowerment Pool) โดยตำแหน่งโกลด์ (Gold) อาจมีคุณสมบัติที่จะได้รับส่วนแบ่งส่วนที่สองถ้าสามารถขายผลิตภัณฑ์ให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) หรือสมาชิกทั่วไปรายใหม่ได้อีกหนึ่งรายเป็นจำนวน 100 PV ขึ้นไปในเดือนเดียวกันนั้น ส่วนแบ่งต่าง ๆ จะไม่สะสมจากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งถัดไป โดยส่วนแบ่งโบนัสจำนวนหนึ่งส่วนจะได้โบนัสจำนวนเท่ากับอัตราร้อยละของโบนัสกองกลางที่กำหนด (ร้อยละ 1.25) คูณด้วยคะแนนบริษัท (Company Volume) ของเดือนเดียวกัน และหารด้วยจำนวนส่วนแบ่งทั้งหมดของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทุกคนที่มีคุณสมบัติได้ส่วนแบ่งในเดือนนั้น

ข. ส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Leadership Performance Pool) - จำนวน 2 % จากยอดรวมคะแนนบริษัท

ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) แต่ละรายจะได้รับส่วนแบ่ง 1 ส่วนในลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Leadership Performance Pool) ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งโกลด์ (Gold) แต่ละรายจะได้รับส่วนแบ่ง 5 ส่วนในลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Leadership Performance Pool) และสุดท้าย ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งแพลตินัม (Platinum) แต่ละรายจะได้รับส่วนแบ่ง 10 ส่วนในโบนัสกองกลางนี้ โดยที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) แต่ละคนสามารถได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเติมอีก 1 ส่วนสำหรับเดือนนั้น ๆ ถ้าที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) เป็นผู้แนะนำสมาชิกของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับตำแหน่งเอลีท (Elite) เป็นครั้งแรก ส่วนแบ่งนี้จะไม่สะสมจากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งถัดไป ตัวอย่างเช่น ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่เลื่อนจากตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) ไปตำแหน่งโกลด์ (Gold) มีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง 5 ส่วน มิใช่ส่วนแบ่ง 1 ส่วนจากโบนัสกองกลางของตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) รวมกับส่วนแบ่ง 5 ส่วนจากโบนัสกองกลางของตำแหน่งโกลด์ (Gold) โดยส่วนแบ่งโบนัสจำนวน 1 ส่วนจะได้โบนัสจำนวนเท่ากับอัตราร้อยละของโบนัสกองกลางที่กำหนด (ร้อยละ 2) คูณด้วยคะแนนบริษัท (Company Volume) ของเดือนเดียวกัน และหารด้วยจำนวนส่วนแบ่งทั้งหมดของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทุกคนที่มีคุณสมบัติได้ส่วนแบ่งในเดือนนั้น

ค. ส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางไดมอนด์เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Diamond Performance Pool) - จำนวน 1 % จากยอดรวมคะแนนบริษัท

ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในตำแหน่งไดมอนด์ (Diamond) แต่ละรายจะได้รับส่วนแบ่งหนึ่งส่วนในไดมอนด์เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Diamond Performance Pool) ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในตำแหน่งบลูไดมอนด์ (Blue Diamond) แต่ละรายจะได้รับส่วนแบ่งสองส่วนในโบนัสกองกลางนี้ และที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ในตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) แต่ละรายจะได้รับส่วนแบ่งสามส่วนในโบนัสกองกลางนี้ โดยที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) แต่ละคนสามารถได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเติมสำหรับเดือนนั้น ๆ ถ้าที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) เป็นผู้แนะนำสมาชิก ของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับตำแหน่งพรีเมียร์ (Premier) เป็นครั้งแรก ส่วนแบ่งนี้จะไม่สะสมจากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งถัดไป โดยส่วนแบ่งโบนัสจำนวนหนึ่งส่วนจะได้โบนัสจำนวนเท่ากับอัตราร้อยละของโบนัสกองกลางที่กำหนด (ร้อยละ 1) คูณด้วยคะแนนบริษัท (Company Volume) ของเดือนเดียวกัน และหารด้วยจำนวนส่วนแบ่งทั้งหมดของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทุกคนที่มีคุณสมบัติได้ส่วนแบ่งในเดือนนั้น

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งซิลเวอร์ ทำคุณสมบัติได้โบนัสกองกลางอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล โดยในเดือนดังกล่าวโดเทอร์ร่ามีคะแนนบริษัท 500,000 PV ทำให้โบนัสกองกลางเอ็มเพาเวอร์เมนท์พูลในเดือนดังกล่าวเท่ากับ 1.25 % ของ 500,000 PV = 6,250 PV และส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางเอ็มเพาเวอร์เมนท์พูลในเดือนดังกล่าวมีจำนวน 250 ส่วนแบ่ง ทำให้นาย A ได้รับโบนัสกองกลางเอ็มเพาเวอร์เมนท์พูล 6,250 ÷ 250 = 25 PV หรือ 25 PV x 32 = 800 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.005 % ของยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกทั้งหมดของบริษัท

นอกจากนี้ นาย A ยังได้รับส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูลด้วย โดยโบนัสกองกลางลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูลในเดือนดังกล่าวเท่ากับ 2 % ของ 500,000 PV = 10,000 PV และส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูลในเดือนดังกล่าวมีจำนวน 500 ส่วนแบ่ง ทำให้นาย A ได้รับโบนัสกองกลางลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูล 10,000 PV ÷ 500 = 20 PV หรือ 20 PV x 32 = 640 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.004 % ของยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกทั้งหมดของบริษัท

นาย A ได้รับโบนัสกองกลางอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูลจากโบนัสกองกลางเอ็มเพาเวอร์เมนท์พูล 800 บาท และจากโบนัสกองกลางลีดเดอร์ชิพเพอร์ฟอร์มานซ์พูลอีก 640 บาท รวมได้รับโบนัสกองกลางอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล 1,440 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.009 % ของยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกทั้งหมดของบริษัท

6. โบนัสกองกลางไดมอนด์พูล (Diamond Pools) – จำนวน 3 % จากยอดรวมคะแนนบริษัท หรือประมาณ 0.04 % ของราคาสมาชิกตามตัวอย่างด้านล่าง

ภาพรวมของโบนัสกองกลางไดมอนด์พูล (Diamond Pools) ไดมอนด์พูล (Diamond Pools) ทำงานในลักษณะคล้ายกันกับอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Infinity Performance Pools) โบนัสกองกลางเหล่านี้จะคำนวณและจ่ายเป็นรายเดือนภายใน 30 วันนับแต่วันสุดท้ายของแต่ละเดือน โดยไดมอนด์พูล (Diamond Pools) เป็นการจ่ายที่เพิ่มเติมจากส่วนแบ่งที่ได้รับในไดมอนด์เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Diamond Performance Pools) ทั้งนี้ ส่วนแบ่งจะไม่สะสมจากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งถัดไปเช่นเดียวกับอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล (Infinity Performance Pools) โดยส่วนแบ่งโบนัสจำนวนหนึ่งส่วนจะได้โบนัสจำนวนเท่ากับอัตราร้อยละของโบนัสกองกลางที่กำหนด (ร้อยละ 1) คูณด้วยคะแนนบริษัท (Company Volume) ของเดือนเดียวกัน และหารด้วยจำนวนส่วนแบ่งทั้งหมดของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทุกคนที่มีคุณสมบัติได้ส่วนแบ่งในเดือนนั้น โปรดดูภาพที่ 5

ส่วนแบ่งในไดมอนด์พูล (Diamond Pools) ไดมอนด์พูล (Diamond Pool) บลูไดมอนด์พูล (Blue Diamond Pool) และเพรสิเดนเชียลไดมอนด์พูล (Presidential Diamond Pool) แต่ละกองมีจำนวนเท่ากับร้อยละ 1 ของคะแนนบริษัท (Company Volume) ของแต่ละเดือน ซึ่งที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ทำคุณสมบัติได้แต่ละรายจะได้รับส่วนแบ่งจำนวนสามส่วนในโบนัสกองกลางสำหรับตำแหน่งของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) นั้น

คุณสมบัติที่จะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเติมในไดมอนด์พูล (Diamond Pools)

 ก. เพรสิเดนเชียลไดมอนด์พูล (Presidential Diamond Pool) ตำแหน่งเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) จะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มหนึ่งส่วนหนึ่งครั้งในเพรสิเดนเชียลไดมอนด์พูล (Presidential Diamond Pool) เมื่อที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับการแนะนำโดยส่วนตัวจากเพรสิเดนเชียลไดมอนด์ (Presidential Diamond) ดังกล่าว ได้ขึ้นตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) เป็นครั้งแรก

ข. บลูไดมอนด์พูล (Blue Diamond Pool) และไดมอนด์พูล (Diamond Pool) ตำแหน่งไดมอนด์ (Diamond) หรือบลูไดมอนด์ (Blue Diamond) จะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มหนึ่งส่วนหนึ่งครั้งในไดมอนด์พูล (Diamond Pool) หรือบลูไดมอนด์พูล (Blue Diamond Pool) เมื่อที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับการแนะนำโดยส่วนตัวจากไดมอนด์ (Diamond) หรือบลูไดมอนด์ (Blue Diamond) ดังกล่าว ได้ขึ้นตำแหน่งพรีเมียร์ (Premier) เป็นครั้งแรก

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตำแหน่งบลูไดมอนด์ ทำคุณสมบัติได้โบนัสกองกลางไดมอนด์พูล โดยในเดือนดังกล่าวโดเทอร์ร่ามีคะแนนบริษัท 500,000 PV ทำให้โบนัสกองกลางบลูไดมอนด์พูลในเดือนดังกล่าวเท่ากับ 1 % ของ 500,000 PV = 5,000 PV และส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางบลูไดมอนด์พูลในเดือนดังกล่าวมีจำนวน 100 ส่วนแบ่ง ทำให้นาย A ที่มี 3 ส่วนแบ่งตามที่ระบุข้างต้นได้รับโบนัสกองกลางบลูไดมอนด์พูล (5,000 ÷ 100) x 3 = 150 PV หรือ 150 PV x 32 = 4,800 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.03 % ยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกทั้งหมดของบริษัท

นอกจากนี้ หากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับการแนะนำโดยส่วนตัวจากนาย A ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นตำแหน่งพรีเมียร์เป็นครั้งแรก นาย A จะได้รับส่วนแบ่งในโบนัสกองกลางบลูไดมอนด์พูลในเดือนดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ส่วนแบ่ง รวมเป็น 4 ส่วนแบ่ง และจะได้รับโบนัสกองกลางบลูไดมอนด์พูล (5,000 ÷ 100) x 4 = 200 PV หรือ 200 PV x 32 = 6,400 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.04 % ของยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกทั้งหมดของบริษัท

7. ฟาวเดอร์ส (Founders) – จำนวน 1 % จากยอดจำหน่ายรวมในตลาดท้องถิ่น หรือประมาณ 0.04 % ของราคาสมาชิกตามตัวอย่างด้านล่าง

ภาพรวม เพื่อเป็นสิ่งจูงใจสำหรับที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่เริ่มทำธุรกิจในตลาดท้องถิ่นแห่งใหม่ โดเทอร์ร่าจึงเสนอฟาวเดอร์สโบนัส (Founders Bonus) ที่คำนวณจากการพัฒนาตลาด ฟาวเดอร์สโบนัส (Founders Bonus) จะจ่ายเป็นรายปี ภายในไตรมาสแรกของปีถัดไป โดยฟาวเดอร์ (Founder) คือที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จำนวน 25 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลแรก ๆ ทำคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขและยังคงดำรงการเข้าเงื่อนไขตามที่บริษัทกำหนดขึ้นสำหรับตลาดนั้น ๆ ซึ่งฟาวเดอร์ (Founder) จะได้รับส่วนแบ่งโบนัสร่วมกับฟาวเดอร์ (Founder) รายอื่น ๆ ตามอัตราร้อยละที่กำหนดของคะแนนตลาดท้องถิ่น (Local Market Volume) นั้น

การทำคุณสมบัติ รอบระยะเวลาการทำคุณสมบัติคือ 12 เดือน เมื่อที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ได้สถานะฟาวเดอร์ (Founder) แล้วที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ดังกล่าวจะต้องทำคุณสมบัติเพื่อการดำรงสถานะนั้นด้วยการไปให้ถึงคุณสมบัติที่กำหนดไว้ด้วย

ในกรณีที่ฟาวเดอร์ (Founder) ไม่สามารถทำคุณสมบัติได้อีกครั้ง หรือสูญเสียสถานะฟาวเดอร์ (Founder) ไป สถานะนี้จะไม่ตกแก่ฟาวเดอร์ (Founder) ดังกล่าว หรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่นอีกต่อไป และจะสิ้นสุดลง ทั้งนี้ อัตราร้อยละของผลประโยชน์จะไม่เปลี่ยนแปลงแม้จำนวนที่แท้จริงของฟาวเดอร์ (Founder) ที่มีคุณสมบัติจะเปลี่ยนแปลงไป สถานะฟาวเดอร์ (Founder) เป็นสถานะเฉพาะตัวของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่มีคุณสมบัติตั้งแต่ต้น สถานะนี้ไม่สามารถส่งมอบ โอน ให้ หรือขายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่นหรือบุคคลอื่นได้ และจะไม่ดำรงอยู่ต่อไปภายหลังการเสียชีวิตของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) 

คุณสมบัติเพื่อเข้าเป็นสมาชิกฟาวเดอร์สคลับ

1. ต้องได้รับและดำรงตำแหน่งโกล์ดขึ้นไปอย่างน้อย 3 เดือนติดต่อกัน ภายใน 1 ปี

2. ต้องเข้าร่วมทำธุรกิจในตลาดนั้น ๆ

3. ร้อยละ 90 ของยอดขายต้องเกิดจากในตลาดในประเทศไทย

4. ร้อยละ 50 ของยอดขายต้องมากจากสมาชิกทั่วไปหรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่เข้าร่วมโปรแกรม LRP

5. เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่มีผลงานเด่นชัดและยึดมั่นในนโยบายของ ฟาวเดอร์สคลับ

คุณสมบัติเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นฟาวเดอร์ส

1. ต้องดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 เดือน ภายใน 1 ปี

2. ต้องทำคุณสมบัติได้ตามคุณสมบัติเพื่อเข้าเป็นสมาชิกฟาวเดอร์สคลับข้างต้น

ส่วนแบ่งที่ฟาวเดอร์สจะได้รับ ฟาวเดอร์สที่ทำคุณสมบัติได้แต่ละคนจะได้รับส่วนแบ่งจำนวน 1 ส่วน ในกองกลางของฟาวเดอร์สคลับจำนวนร้อยละ 1 ของยอดจำหน่ายรวมในตลาดท้องถิ่นในลักษณะเดียวกับโบนัสกองกลางอินฟินิตี้เพอร์ฟอร์มานซ์พูล และโบนัสกองกลางไดมอนด์พูล

ตัวอย่าง นาย A เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ดำรงตำแหน่งโกล์ดครบ 3 เดือนติดต่อกันเป็นคนแรกของประเทศไทย และมีคุณสมบัติได้เป็นฟาวเดอร์ส ได้รับส่วนแบ่งในฟาวเดอร์สคลับ โดยในปีแรกโดเทอร์ร่ามีคะแนนบริษัท 6,000,000 PV ทำให้โบนัสฟาวเดอร์สคลับในปีแรกเท่ากับ 1 % ของ 6,000,000 PV = 60,000 PV และส่วนแบ่งในฟาวเดอร์สคลับในปีแรกมีจำนวน 25 ส่วนแบ่ง ทำให้นาย A ที่มี 1 ส่วนแบ่งตามที่ระบุข้างต้นได้รับโบนัสฟาวเดอร์สคลับ 60,000 ÷ 25 = 2,400 PV หรือ 2,400 PV x 32 = 76,800 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.04 % ยอดรวมราคาสมาชิกที่เกิดจากสมาชิกทั้งหมดของบริษัท

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะให้ฟาวเดอร์สโบนัส (Founders Bonus) เพิ่มเติม โดยเป็นดุลยพินิจของบริษัท และเมื่อได้แจ้งและได้รับการอนุมัติอย่างถูกต้องจากหน่วยงานที่มีอำนาจที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยฟาวเดอร์สโบนัส (Founders Bonus) แต่ละรุ่นนั้นจะมีความสัมพันธ์และคำนวณจ่ายจากสัดส่วนยอดขายที่กำหนดของคะแนนตลาดท้องถิ่น (Local Market Volume)

โปรแกรมลอยัลตี้รีวอร์ด (Loyalty Rewards Program)

ภาพรวม ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) และสมาชิกทั่วไปสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดเทอร์ร่าทุกเดือนด้วยการสมัครเข้าโปรแกรมลอยัลตี้รีวอร์ด (โปรแกรม LRP) ภายหลังจากเดือนแรกของการเข้าเป็นสมาชิก โปรแกรม LRP จะช่วยขจัดความไม่สะดวกที่จะต้องส่งคำสั่งซื้อเป็นรายเดือน

การได้รับยอดเครดิตผลิตภัณฑ์ หากคำสั่งซื้อตามโปรแกรม LRP ของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) หรือสมาชิกทั่วไปมีคะแนนส่วนบุคคลอย่างน้อย 50 PV ในทุกเดือน สมาชิกจะมีสิทธิได้รับยอดเครดิตผลิตภัณฑ์ (Product Credits) ของแต่ละเดือน

การแลกยอดเครดิตผลิตภัณฑ์ ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) หรือสมาชิกทั่วไปสามารถแลกยอดเครดิตผลิตภัณฑ์เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคะแนน PV เต็มจำนวนได้ภายหลังจากที่สมาชิกเข้าร่วมโปรแกรม LRP เป็นเวลา 60 วันแล้ว ยอดเครดิตผลิตภัณฑ์ภายใต้โปรแกรม LRP สามารถใช้แลกได้เป็นเวลา 12 เดือนนับแต่วันที่ออก ภายหลังจากนั้นยอดเครดิตผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะหมดอายุ การแลกยอดเครดิตผลิตภัณฑ์จะมีค่าธรรมเนียมจำนวน 100 บาทต่อหนึ่งคำสั่งซื้อ ซึ่งสามารถแลกซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านระบบการสั่งซื้อออนไลน์จากเว็บไซต์ของโดเทอร์ร่า ประเทศไทยได้  ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อด้วยยอดเครดิตผลิตภัณฑ์จะไม่สามารถขายต่อหรือคืนได้ ไม่มีคะแนน PV ไม่สามารถรวมกับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ ไม่มีมูลค่าที่สามารถแลกเป็นเงินสดได้  และไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ ยอดเครดิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกยกเลิกหากมีการยกเลิกการเข้าร่วมโปรแกรม LRP คำสั่งซื้อตามโปรแกรม LRP แรกอาจยกเลิกได้ด้วยการโทรติดต่อบริษัทเท่านั้น ส่วนคำสั่งซื้อตามโปรแกรม LRP ภายหลังจากนั้นสามารถยกเลิกได้โดยทางออนไลน์ 

การกระทำการแทนบุคคลอื่น ห้ามมิให้ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ทำคำสั่งซื้อภายใต้โปรแกรม LRP แทนที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่นหรือสมาชิกทั่วไปที่เข้าร่วมโปรแกรม โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่นหรือสมาชิกทั่วไปที่เข้าร่วมโปรแกรมดังกล่าวก่อนทำคำสั่งซื้อนั้น ทั้งนี้ การอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรดังกล่าวจะต้องระบุอยู่ในบันทึกข้อมูลของบริษัทก่อนทำคำสั่งซื้อ คำสั่งซื้อนั้นจะต้องชำระเงินโดยที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) หรือสมาชิกทั่วไปที่เข้าร่วมโปรแกรม และจะต้องจัดส่งไปยังที่อยู่หลักตามที่ระบุในบัญชีของผู้เข้าร่วมโปรแกรม

โบนัสหรือรางวัลพิเศษหรือเพื่อการส่งเสริมการขาย

จะมีการเสนอโบนัสหรือการส่งเสริมการขายพิเศษให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) และลูกค้าเป็นครั้งคราว ผลิตภัณฑ์ที่เสนอในลักษณะนี้อาจมีหรือไม่มี PV และอาจจะไม่ทำคุณสมบัติให้ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ได้รับโบนัสจากการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ รายละเอียดของข้อเสนอเหล่านี้จะประกาศให้ทราบบนเว็บไซต์ doTERRA.com เป็นรายครั้ง

ข้อกำหนดโดยทั่วไปและข้อกำหนดเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับค่าตอบแทน

ไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนให้สำหรับการแนะนำบุคคลเท่านั้น ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะได้รับค่าตอบแทนสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ขาย แต่ไม่ได้รับค่าตอบแทนสำหรับการแนะนำหรือสนับสนุนที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่น ๆ

ไม่มีการรับประกันค่าตอบแทน เช่นเดียวกับโอกาสการขายอื่นใด ค่าตอบแทนที่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ได้รับมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) นั้นต่ำมาก โดยคนสมัครเข้าเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป โดยคนที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทในราคาสมาชิก จะสมัครเป็นสมาชิกทั่วไป ซึ่งยังอาจสมัครเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ด้วยได้ บางคนเข้าร่วมธุรกิจเพื่อที่จะพัฒนาทักษะหรือประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจของตน และบางคนเข้าเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) แต่ก็ไม่เคยซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนั้นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จำนวนมากจึงไม่เคยมีคุณสมบัติที่จะได้รับโบนัส ซึ่งที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะไม่ได้รับการประกันรายได้ และไม่ได้รับการรับรองผลกำไรหรือความสำเร็จในระดับใด ๆ ผลกำไรและความสำเร็จของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะเกิดจากความสำเร็จในการขายผลิตภัณฑ์ และยอดขายของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) รายอื่น ๆ ภายในองค์กรของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) เท่านั้น ความสำเร็จทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความพยายามของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) แต่ละรายเป็นหลัก

ความพยายาม การสร้างค่าตอบแทนจำนวนมากในฐานะที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จำเป็นต้องใช้เวลา ความพยายาม และความมุ่งมั่นอย่างสูง แผนการจ่ายผลตอบแทนจากการขายนี้ไม่ใช่แผนการสร้างความร่ำรวยอย่างรวดเร็ว และไม่มีการรับประกันความสำเร็จทางการเงิน

การรวมอยู่ในรอบโบนัส บุคคลนั้นจะต้องเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ได้รับการอนุมัติภายในวันสุดท้ายของรอบโบนัสจึงจะรวมอยู่ในการคำนวณโบนัสและคุณสมบัติของรอบนั้น การขายผลิตภัณฑ์จะต้องแล้วเสร็จ และได้รับการชำระเงินภายในวันสุดท้ายของรอบโบนัสเพื่อที่จะได้รับค่าตอบแทนหรือมีคุณสมบัติสำหรับตำแหน่งของรอบนั้น

เงื่อนไขบังคับก่อนสำหรับการจ่ายโบนัส ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะสามารถได้รับโบนัสก็แต่เมื่อได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดของแผนการจ่ายผลตอบแทนจากการขายของโดเทอร์ร่า และไม่ได้ฝ่าฝืนภาระผูกพันที่เป็นสาระสำคัญใด ๆ ภายใต้สัญญา

การจ่ายโบนัส โบนัสจะจ่ายให้แก่ผู้สมัครหลักตามแบบฟอร์มสัญญาการเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) 

สายงานที่กระจุกตัว (Concentrated Legs) ในกรณีที่สายงานหนึ่งในองค์กรของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) มีคะแนน (volume) สูงกว่าร้อยละ 80 ของคะแนนองค์กรของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ดังกล่าวทั้งหมด ยูนิเลเวลโบนัส (Uni-level Bonus) ทั้งสิ้นของที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ดังกล่าวจะมีจำนวนไม่เกิน 64,000 บาทหากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) อยู่ในตำแหน่งเอลีท (Elite) หรือ 160,000 บาทหากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) อยู่ในตำแหน่งพรีเมียร์ (Premire) หรือ 352,000 บาทหากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) อยู่ในตำแหน่งซิลเวอร์ (Silver) หรือ 576,000 บาทหากที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) อยู่ในตำแหน่งโกลด์ (Gold) ทั้งนี้ จะไม่มีเพดานสำหรับโบนัสขั้นต้น (Primary Bonus) เมื่อขึ้นถึงตำแหน่งแพลตินัม (Platinum) 

การแลกยอดเครดิตต่อบริษัท (Company Credit) ถ้ามีการออกยอดเครดิตต่อบริษัทให้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่สั่งซื้อแต่ผลิตภัณฑ์หมดในเดือนนั้น คะแนนส่วนบุคคล (PV) สำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะถูกนำไปคำนวณโบนัสและคุณสมบัติสำหรับตำแหน่งในเดือนที่มีการแลกยอดเครดิตที่ได้รับมาเท่านั้น

หน้าที่เก็บรักษาเอกสาร ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) แต่ละรายที่ได้รับโบนัสตกลงจะเก็บรักษาเอกสารซึ่งเป็นหลักฐานของการขายปลีกผลิตภัณฑ์และบริการของเดือนที่จ่ายโบนัสไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 ปี ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ตกลงที่จะมอบเอกสารนี้ให้แก่บริษัทเมื่อบริษัทร้องขอ การไม่ดำเนินการตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้ถือว่าเป็นการผิดสัญญา และจะให้สิทธิแก่บริษัทในการเรียกคืนโบนัสที่จ่ายสำหรับคำสั่งซื้อของเดือนที่ไม่ได้มีการเก็บรักษาเอกสารการขายปลีก

การเรียกคืนโบนัส นอกเหนือไปจากสิทธิเรียกคืนใด ๆ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะเรียกคืนโบนัสใด ๆ ที่ได้จ่ายให้แก่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) สำหรับผลิตภัณฑ์ซึ่ง

ก. ส่งคืนตามนโยบายการคืนผลิตภัณฑ์ของบริษัท

ข. ส่งคืนให้แก่บริษัทตามกฎหมายที่ใช้บังคับใด ๆ

ค. ส่งคืนให้โดยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ประพฤติตนไม่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การให้คำรับรองที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือทำให้สำคัญผิดเกี่ยวกับการเสนอขายหรือการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการใด หรือโอกาสภายใต้แผนการจ่ายผลตอบแทนจากการขายของโดเทอร์ร่า หรือ

ง. ซื้อในปริมาณที่สูงเกินกว่าที่จะคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลว่าจะมีการขายต่อและ/หรือใช้ได้ภายในระยะเวลาอันสมควร

การชำระโบนัสที่เรียกคืน ในการเรียกคืนโบนัสตามข้อนี้ บริษัทอาจขอให้ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) ที่ถูกเรียกคืนโบนัสทำการชำระโดยตรง หรืออาจหักกลบลบหนี้จำนวนเงินที่เรียกคืนนั้นจากโบนัสในปัจจุบันหรือในอนาคตก็ได้ โดยเป็นดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

ค่าธรรมเนียมส่งคืนช็คโบนัส ในบางครั้งที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) อาจขอให้บริษัทออกเช็คแทนเช็คโบนัสที่สูญหาย บริษัทอาจคิดค่าธรรมเนียมการออกเช็คแทนเช็คที่สูญหายนั้น นอกจากนี้ บริษัทอาจขอให้สถาบันการเงินผู้ออกเช็คระงับการจ่ายเงินตามเช็คเดิม (ที่สูญหาย) โดยเป็นดุลยพินิจของบริษัทเอง และที่ปรึกษาด้านสุขภาพ (Wellness Advocate) จะต้องชำระค่าธรรมเนียมการระงับการจ่ายเงินให้แก่บริษัท

เลือกทวีปของคุณ

เลือกภูมิภาคของคุณ

เลือกตำแหน่งของคุณ

เลือกภาษาของคุณ